รวมไอเทมบำรุง และวิตามินกู้ผิวไหม้แดดขั้นสุด! ทดลองเอง ซื้อเองทุกชิ้น

 สวัสดีค่ะเพื่อนๆ 


ห่างหายจากการรีวิวไปนานมาก เพราะเบลล์ไปเรียนที่ออสเตรเลียมาเกือบปีเลย 
และนั่นก็คือสาเหตุที่เราผิวไหม้แดดขั้นสุดเช่นกัน T^T 
(สังเกตทรงเสื้อที่เบลล์ใส่ รอยไหม้จะเป็นตามนั้นเลยค่ะ)
เบลล์เรียนที่เมลเบิร์นก็จริง แต่ Holiday บินไปเที่ยวที่ซิดนียส์มาค่ะ
ใครจะไปคิดว่าแดดที่ Bondi Beach จะทำร้ายล้างได้ขนาดนี้ 
จากนั้นเลยเริ่มศึกษาข้อมูลมาว่า คนประเทศออสเตรเลียเค้ามีปัญหาเรื่องมะเร็งผิวหนังกัน
ค่า UV ในแดดเค้าสูงกว่าที่ไทยเยอะมาก และเบลล์เป็นคนผิวบาง  
ผิวเลยไหม้สุดๆ อย่างที่เห็นกัน

 จึงเริ่มปฎิบัติการกู้ผิวเร่งด่วนสุดๆ และอยากมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆ เผื่อเป็นประโยชน์ค่า 
จะมีขั้นตอนยังไงบ้างนั้น..ว่าละไปอ่านรีวิวกันจ้า!
สภาพผิวเบิร์นแดดของเราตามรูปเลยค่ะ 
เรียงลำดับจากวันแรกที่โดดแดดเผา (ยังไม่ได้ทา After Sun หลังออกแดดทันที) ผิวค่อนข้างแดดแสบคันมากๆ ค่ะ ทรมานสุดๆ เป็นการโดนผิวไหม้แดดที่หนักที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ 

จากนั้นผิวจึงค่อยๆ ลดการอักเสบลง สังเกตุว่ารอยแดดจากลดขนาดลง แทนที่ด้วยความคล้ำแดด และผิวแห้งเป็นขุยออกมาค่ะ  เน้นย้ำว่า ห้ามเกา! แม้ว่าจะรู้สึกคันแค่ไหนก็ตาม อดทนไว้ค่ะ! 
ระหว่างนี้การรักษานี้ เราต้องปฎิบัติตัวอย่างเคร่งครัด ผิวจะได้กลับมาสวยไวๆ ค่า
หลังจากช่วงเวลานั้นประมาณ 2 เดือน
และนี่คือสภาพผิวปัจจุบันเราค่ะ แสงอาจมีการเปลี่ยน แต่โดยรวมคือผิวเริ่มกลับมาสู่สภาพปกติแล้วค่ะ 
เดี๋ยวเรามาอธิบายกันว่าเราใช้อะไร ทำยังไงกันบ้างในการปฎิบัติการกู้ผิวครั้งนี้ 
v
V
ข้อปฎิบัติที่เราทำในทุกวันที่ผิวยังคงอักเสบไหม้แดด
(วิธีนี้เราใช้ส่วนตัวมาแชร์ หากมีวิธีอื่นๆ แนะนำ Comment บอกกันได้นะคะ :)) )

▶ ใช้ผ้าประคบเย็นบริเวณที่ผิวเบิร์น เพื่อ Cool down ผิวลง บรรเทาการอักเสบของผิวเบื้องต้น เราประคบประมาณ 15 นาที เช้า - เย็น
▶ ระหว่างนี้เราอาบน้ำเย็นตลอด (ขั้นตอนนี้เราทรมานมาก เพราะอากาศเมลเบิร์นหนาวมากค่ะตอนนั้น และยังต้องอาบน้ำเย็น แทบตายเหมือนกัน T^T)
▶ พยายามเลี่ยงใช้สบู่(ทั่วไปตามท้องตลาด) ลงบริเวณผิวเบิร์นโดยตรง 
ขั้นตอนการทาผิว ข้ออธิบายเป็นข้อๆ ว่าใช้อะไรยังไงบ้างจ้า
(ไม่ได้เรียงวิธีใช้ตามรูปนะคะ)

A. -  Plunkett's 99% PURE Aloe Vera  
ตัวนี้เป็นเจลว่านห่างจระเข้ สำหรับทาหน้า เป็น ORGANIC เอาไว้สำหรับทาผิวหน้าโดยเฉพาะ สำหรับตัวนี้เราทาหน้าแล้วไม่แสบเลย และช่วงแรกๆ เอามาทาตัวด้วยค่ะ ก่อนใช้เราจะแช่ตู้เย็น แล้วเอามาทาเช้า กลางวัน เย็น สดชื่นมากๆ ระหว่างที่เราผิวเบิร์นแดดเราจะใช้แต่ Aloe gel งดใช้สกินแคร์ตัวอื่นๆ ทั้งหมด เน้นเติมความชุ่มชื้น และปลอบประโลมผิว ทาแบบผิวหน้าแบบนี้อยู่ 4-5 วัน ค่ะ (ผิวหน้าเราไม่มีปัญหาเบิร์นแดด แค่หมองคล้ำลงเล็กน้อย)

ไม่แน่ใจว่าแบรนด์นี้ที่ไทยมีขายไหม (เราซื้อที่ Chemist Warehouse สาขา Flinders ราคาประมาณ $8.00) แต่เราว่าใช้ตัวไหนที่ไทยทดแทนก็ได้ที่หมดจ้า ที่เป็นอโรเวล่าเจล สำหรับทาหน้าที่เป็นออแกนิก เคยใช้แบรนด์นี้อยู่เป็นแบบ Organic ใช้ดีเหมือนกัน  
พิกัด:

B. - BANANA BOAT  AFTER SUN GEL
ตัวนี้ใครๆ ก็ต้องรู้จัก แน่นอนว่าช่วงแรกๆ ที่ผิวเบิร์นแดดเราใช้ตัวนี้ทาผิวบ่อยมาก(ทาเฉพาะผิวตัว) แช่เย็นก่อนทาเช่นกัน เราโบกลงผิวไปเยอะมากๆ ทาวนไปทั้งวัน สลับประคบเย็น รู้สึกเย็นสดชื่น ชุ่มชื้นผิวประมาณนึง แต่เรารู้สึกยังคงมีกลิ่นน้ำหอมอยู่ แอบคิดว่าทา Aloe ตัวบน (Plunkett's)แล้วสบายใจกว่าค่ะ เพราะผิวเราค่อนข้างอักเสบ หลังๆ เลยใช้ตัวบน (Plunkett's) ทาหน้า มาทาผิวด้วยเลย  แต่ไม่ใช่น้อง BANANA ไม่ดีนะคะ เราว่าเหมาะสำหรับผิวหลังออกแดดที่ไม่เบิร์นหนักอักเสบแบบเรามากกว่า
พิกัด: 
C. - CERAVE Moisturising Lotion สูตรเหมาะกับทุกสภาพผิว
เซราวีตัวนี้เราลองซื้อมาใช้ เพราะเห็นว่าเค้าบำรุงผิวแพ้ง่าย อ่อนโยนค่ะ และเห็นว่าทาได้ทั้งผิวกาย และผิวหน้า เลยจัดขวดใหญ่มาเลย (เราซื้อที่ Chemist Warehouse สาขา Flinders เช่นกัน ราคาประมาณ $20.99) แต่เห็นว่าที่ไทยมีขายเหมือนกัน หมดแล้วก็หาซื้อง่ายดี 

สำหรับเซราวีตัวนี้เราใช้หลังจากทา Aloe ไปประมาณ 4-5 วัน เราค่อนข้างชอบน้องเค้านะ คือทาผิวที่เบิร์นแดดแล้วอ่อนโยนไม่แสบผิวใดๆ ให้ความชุ่มชื้นกำลังดีกับ"ผิวหน้า"(เราผิวผสม) แต่สำหรับ"ผิวตัว" เราว่ายังไม่เพียงพอ เราว่าเซราวีตัวนี้เหมาะสำหรับทาให้ความชุ่มชื้นผิวในทุกๆวันมากกว่า แต่ผิวตัวเราเบิร์นแดดหนักมากจริงๆ สูญเสียความชุ่มชื้นแบบขั้นสุด(ปัจจุบันก็ยังคงใช้เซราวีทาระหว่างวันสลับกันกับ La Roche-Posayค่ะ)
พิกัด:


D. - La Roche-Posay LIPIKAR BAUME AP+M บาล์ม สูตรผิวแห้ง - แห้งมาก
 ลาโรช ตัวนี้เค้าเป็นบาล์ม ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวแบบขั้นสุด คุณหมอผิวหนังแนะนำให้ใช้ตัวนี้ทาผิวด้วยค่ะ ซึ่งบาล์มตัวนี้เค้าช่วยลดการระคายเคืองผิวด้วย เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาผิวสูญเสียความชุ่มชื้นสุดๆ แบบเรา ข้อดีของน้องเค้าคือ ช่วยลดอาการคันเวลาที่ผิวแห้ง ผิวอักเสบมากๆ ด้วยนะ แถมทาได้ทั้งหน้า - ทาตัว เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่เราเน้นใช้ทาตัวมากกว่าค่ะ เพราะบาล์มเค้าเนื้อหนักมากจริงๆ 

 วิธีที่เราใช้ก็ถ้าอาบน้ำจะซับผิวบริเวณนั้นให้แห้ง แล้วโบกตัวนี้ลงทันที ทิ้งไว้แห้งสักพัก แล้วสวมเสื้อผ้าค่ะ หลังจากนั้นก็โบกลาโรชตัวนี้ทั้งวันค่ะ ย้ำว่า "โบกหนักๆ" เราพอมีเวลาช่วงไหน ก็จะหยิบขึ้นมาใช้ตลอดๆ คุณหมอแนะนำว่า ให้ทาแบบเหมือนชุบแป้งทอด 555+ เราก็จัดเลยค่ะ แล้วผิวก็ดีขึ้นจริงๆ ลดอาการคันอีกด้วย ถ้าแผลเราหายคิดว่าก็ยังจะซื้อใช้ซ้ำไปเรื่อยๆ เพราะผิวเราค่อนข้างแพ้ง่าย ผื่นขึ้นง่ายค่ะ

เราซื้อมาราคาตอนนั้นที่ซื้ออยู่ที่ 690฿ (200ml) แต่ปัจจุบันเหมือนราคาเค้าขึ้นเพราะมีการ RePackage ปรับราคาขึ้นแล้ว และปัจจุบันเราซื้อเป็นขวดใหญ่หัวปั้มขนาด 400 ml มารู้สึกคุ้มกว่าแบบหลอด เพราะเราใช้เยอะ ฮ่าๆ ราคาประมาณ 1,100 กว่าบาทค่ะ 
พิกัด: 
Shopee: https://shope.ee/2VOtipDIZw  (แบบหลอด)
              https://shope.ee/8pIxGYzcUm (แบบขวดปั้ม)
Lazada: https://s.lazada.co.th/s.kfZz8  (แบบหลอด)
              https://s.lazada.co.th/s.kf00g (แบบขวดปั้ม)

E. - SOOV Burn spray 
สเปรย์ตัวนี้ ยอมรับว่าดีจริงๆ ค่ะ สำหรับผิวเบิร์น ไม่ว่าจะเบิร์ดแดด โดนน้ำร้อนลวกต่างๆ ตัวนี้เค้าจะช่วยลดการระคายเคือง ปลอบประโลมผิว ลดอาการปวดแสบปวดร้อน อาการคันหลังผิวเบิร์นใหม่ๆ เพราะเห็นว่ามีผสมคล้ายๆ ยาชา(ไม่แน่ใจว่าใช่ไหม)ที่ระงับอาการปวดแสบปวดร้อนทันทีทีใช้ ตัวนี้เภสัชกรที่ Chemist Warehouse สาขา Flinders แนะนำค่ะ จำราคาไม่ได้ นะจะไม่เกิน $16 ไม่แน่ใจ เค้าเดินไปหยิบมาให้พร้อมอธิบายการใช้ ว่าให้ฉีดห่างจากแผลประมาณ 10 ซม. ทั่วแผล รอจนแห้งค่ะ ใช้ฉีดวันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน เราฉีดตัวนี้ในช่วงหลังจากผิวเบิร์นแดดใหม่ๆ ใช้ติดกันประมาณ 1 week ค่ะ ซึ่งตัวนี้เราไม่แน่ใจว่าที่ไทยมีขายไหม แต่สำหรับเราใช้ดีมากๆ เลย ถ้ามีโอกาสไปออสฯ ซื้อมาติดบ้านน่าจะดีค่า ราคาไม่แพงมากด้วย ไม่แน่ใจว่าไทยมีตัวที่คล้ายแบบนี้ไหมค่ะ ถ้ามีแนะนำได้เลยน้า

ตัวสุดท้าย - Mometasone gpo ยาทาผิวหนังลดการอักเสบ อาการคัน
ตัวนี้เป็นยาทา ที่คุณหมอผิวหนังจ่ายมาค่ะ สำหรับลดอาการคัน เราใช้ติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์ เราทาเฉพาะตอนเช้า วันละ 1 ครั้ง บางๆ ทั่วผิวเบิร์น  **แนะนำว่าควรใช้ตามแพทย์สั่งเท่านั้น** จะปลอดภัยมากกว่า ถ้าใครไม่หนักเท่าเรา ใช้เฉพาะไอเทมด้านบนก็เพียงพอค่า 
วิตามินกินทั้งหมดที่ช่วงนี้เรากินเพื่อกู้ผิว สืบเนื่องจากผิวโดนทำร้ายหนักมาก เลยต้องอัดวิตามินเสริมอีกทางนึงค่ะ โดยส่วนใหญ่จะเน้นวิตามินซีเป็นหลักค่า 

A. - NATURES WAY VITAMIN C 500MG
ตัวนี้เรากินในช่วงแรกๆ ที่ค่ะ เป็นวิตามินซีแบบ "อม" รสส้ม อร่อยๆ เหมือนกินลูกอมเรากินวันละเม็ด บางทีก็ 2 เม็ด แบ่งกินเช้า - เย็น เรียกว่าเป็นวิตามินซีกินเพลินของเรา เวลาอยากหาอะไร อม ตัวนี้คือตัวเลือกแรกที่เราจะหยิบมากินค่ะ เราซื้อที่ Woolworths สาขา QV ราคาประมาณ $10-$11 แต่ในช่องทางออนไลน์ในไทยที่คนหิ้วมาน่าจะมีขายปกติค่า แต่ช่วยเรื่องความอร่อยและกินแล้วสบายใจ ราคาน่ารักถือว่าตอบโจทย์ ฮ่าๆ


B. - Swisse Ultiboost Daily Immune Support 
วิตามินแบรนด์นี้ดังในออสฯ มากๆ แบรนด์ยอดนิยมเลยแหละ ตัวนี้เราหยิบมากินช่วงแรกๆ ที่ผิวถูกเบิร์นเพราะมีวิตามินซี 500 ml ผสมอยู่ เอามากินสลับๆ กับ NATURES WAY ความจริงสรรพคุณหลักตัวนี้เค้าช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันต่างๆ เพราะเราเป็นคนแพ้อากาศ อาจจะไม่ได้ช่วยเรื่องผิวโดยตรงก็ตาม แต่ที่หยิบเอามาเล่า เพราะเป็นวิตามินที่เรากินในช่วงแรกๆ ที่เกิดอาการ เผื่อเป็นไอเดียให้คนที่สนใจ เราซื้อที่ Chemist Warehouse สาขา Bourke Street ราคา $10 ตอนลด 50% เห็นในไทยมีขายใน Shopee, Lazada หลายร้ายเลยค่ะ
พิกัด: 
Lazada: https://s.lazada.co.th/s.kfY3v 

C. - Swisse Beauty Collagen Glow With Collagen Peptides
ตัวนี้เป็นคอลลาเจนตัวดังของแบรนด์นี้เลย ซึ่งตัวนี้เค้าอัดวิตามินต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการบำรุง ฟื้นฟูผิวหลายตัวมากๆ เพราะด้วยความที่ผิวเราเบิร์น ถูกทำลายมากๆ กินตัวนี้แล้วรู้สึกสบายใจ เหมือนผิวได้รับการบำรุงจริงๆ เอาจริงๆ อาจจะไม่ได้เห็นผลชัดมากๆ กับรอยเบิร์นผิว เพราะอาจต้องกินอย่างต่อเนื่อง แต่สัมผัสได้ว่าผิวนุ่มขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่า น้องเค้ามีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวเราไม่มาก ก็น้อย กินแล้วแฮปปี้ดี แต่ราคาแอบแรงไปหน่อย และกินค่อนข้างยากนิดนึง เพราะกินครั้งละ 3 เม็ด แล้วเม็ดใหญ่มากแม่ 555+ วิตามินตัวนี้เราซื้อพร้อมกับตัวบนเลย ที่Chemist Warehouse สาขา Bourke Street ราคาเราจำไม่ค่อยได้จริงๆ น่าจะ $30 กว่าๆ ดอล (ซื้อตอนลดราคา) 
พิกัด: 

D. - Blackmores Bio C Acerola PLUS 1500 mg
ด้วยความที่เราอยากได้วิตามินที่ช่วยเสริมเรื่องบำรุงผิว เลยตามหาวิตามินที่มีส่วนผสมของวิตามิน C มากินโดยตรงแทนเจ้าตัว Swisse Ultiboost Daily Immune Support เลยสอยน้อง Blackmores Bio C Acerola มากินแทน ทุกวันนี้เราก็ยังกินอยู่เรื่อยๆ ด้วยความที่คุณหมอบอกว่าให้อัดวิตามินซีเข้าไป เราก็ทำตามอย่างเคร่งครัดคือ กินวิตามินซีเข้าไปในปริมาณที่เหมาะสมแต่ละวัน เป็นการช่วยฟื้นฟูผิวไม่มากก็น้อย ตัวนี้เราว่ากินง่ายดี เม็ดเล็กๆ 1 เม็ด ต่อวัน ซื้อซ้ำมาเป็นขวดที่ 2 แล้ว ราคาเบาๆ 200 - 300 กว่าบาท 

E. - CHAME' Vita C 3,000 mg
ตัวนี้เป็นวิตามินซีแบบผงๆ รสส้ม เทกรอกปากกินได้เลย ตัวนี้เราไปหารีวิว ซื้อตามกูรูเช็ค เพราะเค้าบอกว่าตัวนี้ดูดซึมวิตามินซีได้ดี กินแล้วไม่กัดกะเพาะ เราก็เลยลองจัดมา 2 กล่อง ตอนนี้กินหมดไปแล้ว 1 กล่อง 10 ซอง (เรากินสลับกับ Blackmores Bio C Acerola PLUS ตัวบนแก้เบื่อ) ที่เราชอบคือ ไม่กัดกะเพาะแบบที่เค้าบอก เพราะเราเป็นกรดไหลย้อน  ตัวนี้กินง่าย เทเข้าปากชิลๆ เหมือนกินขนม ส่วนผสมที่เค้าใส่มาก็เป็นตัวที่ช่วยเรื่องผิวทั้งนั้นเลย แต่เห็นว่า มิลลิกรัมเค้าให้มาเยอะกว่าตัวBlackmores Bio C Acerola PLUS 1,500 mg เลยรู้สึกว่าน่าจะบำรุงมากกว่า แต่ติดตรงที่ว่า รสส้มเค้าไม่อร่อยถูกปากเราเท่าไหร่ 555+(อันนี้อยู่ที่คนชอบเนอะ) แต่ก็ซื้อซ้ำอีกกล่องไว้สลับกินกับตัวบน ตัวนี้เราสั่งใน Shopee ราคากล่องละประมาณ 200 กว่าบาทจ้า 
พิกัด: 

เอาภาพ Before - After (ปัจจุบัน)
มาเทียบให้ดูก่อน จะเห็นว่าผิวยังคงมีรอยคล้ำจากแดดอยู่ สีผิวยังไม่สม่ำเสมอ แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยเวลา พยายามเลี่ยงออกแดด และทาครีมอย่างสม่ำเสมอ สังเกตุว่าผิวเราจะมีขี้แมลงวันขึ้นมาอีก 1 จุด จากการเบิร์นแดดครั้งนี้ อยากจี้ออกมาค่ะ แต่คงต้องรอผิวกลับมาแข็งแรงก่อน 

ในส่วนของรอยดำจะค่อยๆ จางหายไปอาจใช้เวลานานกว่า 5-6 เดือน หรืออาจถึงปีเลย ตอนแรกอยากทำเลเซอร์มาก แต่ไม่สามารถทำได้เพราะปรึกษาทางคลินิกแล้วว่าไม่ควรทำค่ะ เพราะผิวยังไม่แข็งแรง ควรบำรุงผิวให้กลับมาแข็งแรงสำคัญที่สุดค่ะ เราเลยเบนเข็มไปที่การใช้ครีมลดรอยดำต่างๆ เรามีใช้สลับเปลี่ยนไปหลายตัวมากๆ แต่ยังไม่ขอหยิบมาเล่าในรีวิวนี้เพราะมันน่าจะยาวมากๆ 
รวมไอเทมทั้งหมดที่เราใช้กู้ผิวไหม้แดดในครั้งนี้ค่ะ 
ทั้งหมดนี้เราซื้อเองโนสปอนใดๆ เกิดจากการลองผิด ลองถูกเอง บวกกับมีการไปปรึกษาคุณหมอด้วยค่ะ ตัวไหนที่มีขายในไทยเรามีแปะลิงค์ไว้ให้ค่ะ 
หากเพื่อนๆ มีอะไรแนะนำเพิ่มเติม Comment มาแชร์กันได้เลยน้า 
หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ ตั้งใจทำมากๆ เลย 
มีอะไรสงสัยตรงไหนถามเราได้เลยน้า 

เจอกันใหม่รีวิวหน้าจ้า
 



0 Comments